หมอหนุ่ม เป็นมะเร็งปอด วัย 28 เปิดเพจ เล่าเรื่องราว ทั้งที่สุขภาพแข็งแรง ทานอาหารคลีน ออกกำลังกายเป็นประจำ เผยเริ่มไอ ตรวจดูพบปอดขวาเหลือครึ่งเดียว
นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี อาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิก และสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเพจเฟซบุ๊ก เพจ “สู้ดิวะ” แบ่งปันเรื่องราว ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด ระยะสุดท้าย ซึ่งมีชาวเน็ต แห่ออกมา ให้กำลังใจ เป็นจำนวนมาก ซึ่งได้เล่าเรื่องราว เมื่อชีวิตต้องเจอโรคร้ายทั้งๆ ที่อายุยังน้อย
โดย หมอหนุ่ม นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล ได้ระบุใจความไว้ว่า
สวัสดีครับ ผมเป็นมะเร็งปอดครับ Squamous cell carcinoma of the lung with multiple brain, pleural, and lung to lung metastasis
มันจะเรียกว่า ระยะสุดท้ายก็ได้ครับ ระยะลุกลาม ระยะที่สามารถพูดได้ว่าไม่สามารถผ่าตัดเอาก้อนออกแล้วก็หายขาดได้อย่างแน่นอนครับ บรรจุเป็นอาจารย์แพทย์ได้ 2 เดือน ก็ได้ตั๋วเลื่อนตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่เฉยเลย สงสัยใช่ไหมครับ เนื่องจากว่าผมก็สงสัยเหมือนกัน
ผมมั่นใจในสุขภาพที่เกี่ยวข้องทางร่างกายตนเองมากๆ นะ ทั้งเข้ายิมเป็นประจำ เล่นกีฬา ทานอาหารคลีน ไม่สูบบุหรี่ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ก็น้อยมากๆ ทำงานในสภาพแวดล้อม ที่ไม่เครียด นอน 4 ทุ่ม ตื่น 6 โมงเช้ามาอ่านหนังสือ ทำวิจัย สอนนักศึกษา ไม่ได้อยู่เวรอดหลับอดนอนอะไรเลย การงานอาชีพที่สามารถพูดได้ว่ากำลังไปได้สวย เพิ่งอดทนเรียนแพทย์เฉพาะทางจบ พร้อมกับปริญญาโทวิทยาการข้อมูลอีกใบ เพื่อมาทำงาน เป็นอาจารย์แพทย์ ตามที่ฝันไว้
แล้วผมก็เริ่มไอครับ ไอมีเสมหะบ้าง ไอแห้งบ้าง ตรวจโควิดแล้วก็ไม่เจอ ในช่วงเวลานั้นไปรักษาไปทางกรดไหลย้อนก่อน ผ่านไป 2 เดือน ระหว่างนี้ ผมสามารถเล่นกีฬาได้ตามปกติ ทำงาน ใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยจริงๆ มีแค่เรื่องไอที่ไม่หายสักที จึงตัดสินใจ ไปตรวจจริงๆ จังๆ เอาจริงๆ คือเพิ่งมีเวลาว่างจากงานด้วยครับ 3 ต.ค. 2565 เป็นวันที่ไม่มีตารางงานเลย จึงถือโอกาสไปตรวจสุขภาพหน่อย
Chest X-ray บอกผมว่า ชีวิตผม จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เป็นฟิล์มที่ปอดข้างขวาผม เหลืออยู่ครึ่งเดียว ลักษณะเหมือนมีก้อนกับน้ำ อยู่ในปอดด้านขวา แล้วก็ปอดด้านซ้าย ก็มีก้อนเล็กๆ เต็มไปหมด
ถึงจะคิดว่า อายุเราน้อย ไม่มีปัจจัยเสี่ยงอะไรเลย สุขภาพโคตรแข็งแรง แล้วเอาจริง ก็คิดว่า ผมไม่ใช่คนทำบาปทำกรรมเยอะอะไรนะ
แต่หลังจากผ่านการตรวจทุกอย่างมาแล้ว ทั้งเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ผ่าตัดเข้าไปเพื่อไปเอาชิ้นเนื้อมาตรวจ ตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สมอง ผลมันก็คือ ผมเป็นมะเร็งปอดจริงๆ แถมเป็นระยะสุดท้ายด้วย ตัวก้อนหลัก ขนาดเกือบ 8 cm ที่ปอดทางด้านขวา นอกเหนือจากนี้ตัวมะเร็ง ยังมีการกระจายไปที่ เยื่อหุ้มปอด แล้วก็ปอดข้างซ้าย อีกหลายจุด ที่สำคัญคือ มันกระจายไปที่สมองถึง 6 ก้อนด้วยกัน แต่ละก้อนก็ใหญ่ซะด้วย โชคดีที่ผมไม่มีอาการทางสมองอะไร ทั้งที่ตำแหน่งที่มันกระจายไป สามารถทำให้ผม แขนขาอ่อนแรง ชา เดินไม่ตรง ทรงตัวไม่ได้ หรือแม้แต่เสียการมองเห็นไปเลย
อย่างไรก็ตาม ผมได้รับการดูแลและรักษาที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้แล้วครับ
ขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่านจากใจจริงครับ ที่ให้การช่วยเหลือผมมากขนาดนี้ ทั้งการผ่าตัด การได้รับ chemotherapy Immunotherapy แล้วก็ได้รับการฉายแสงที่ศรีษะทันทีที่เจอก้อน ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาที่ยอดเยี่ยม และรวดเร็วแบบนี้ ผมอาจจะไม่สามารถมานั่งเขียน สเตตัสนี้แล้วก็ได้ครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผมเป็นคนที่เชื่อสุดหัวใจว่า ถ้าหากเรามีเป้าหมาย แล้วก็วางแผน พยายามทุ่มเท อดทน มันจะได้มาซึ่ง สิ่งที่เราต้องการได้ ผมเชื่อว่า เราสามารถควบคุมชีวิตเราได้ พัฒนาตนเอง ดูแลสุขภาพ อ่านหนังสือ ลงทุน ใช้ชีวิตให้ยอดเยี่ยมมาเสมอ มันเลยทำให้ในมือผม มีการ์ดดีๆ มากมายเลยครับ
ผมมีสุขภาพที่โคตรแข็งแรง มีการงาน ที่โคตรมั่นคงแล้วก็มีอนาคตสดใส ผมมีสังคม แล้วก็ความสัมพันธ์ ที่อบอุ่นมากๆ รายล้อมไปด้วยผู้คนที่สุดยอด และน่ารัก ผมกล้าพูดว่า ผมมีแต่คนรัก มากกว่าคนเกลียด อาจเนื่องจากว่าผมใช้ชีวิตด้วยคติคือว่า ทุกคนที่ได้มาเจอ แล้วก็รู้จักผม เขาจะต้องรู้สึกว่าโชคดีจัง ที่ได้รู้จักกับผม ผมทำแบบนั้นมาตลอด แล้วก็ตอนนี้ผมมีการ์ดเหล่านั้น ผมลงทุนมาตลอด เดินไปตามแผนเกษียณได้อย่างสบายๆ ผมกำลังจะแต่งงาน กับผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด ผมกำลังจะสร้างบ้านในฝันของเรา
แล้วผมก็จั่วได้การ์ด ที่ชื่อว่า โรคมะเร็งระยะสุดท้าย การ์ดที่ถึงผมจะไม่อยากได้ แต่ผมก็มีมันอยู่ในมือ
เป็นวันที่ตระหนักว่าจริงๆ แล้ว มนุษย์เรามันโคตรเปราะบางเลยครับ
มันเหมือนโลกทั้งใบของเราแตกสลายลงไปต่อหน้าเลยนะครับ แผนชีวิตที่วางมาทั้งหมด พังลง ต่อหน้าต่อตาเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ในตอนที่ได้ chemo หรือได้ยาอะไรเข้าไปแล้วร่างกายจะเป็นอย่างไร ฉายแสงที่หัวด้วยรังสีเข้มข้น จะเกิดผลข้างเคียงอะไรไหม จะเดินได้อยู่ไหม จะมองเห็นอยู่ไหม จะกินข้าวได้อยู่ไหม จะยังจำทุกคนได้ไหม จะยังเป็นตัวของตัวเองอย่างงี้ได้อีกนานแค่ไหน
ผมก็ได้กลายเป็นคนที่มีเวลาชีวิตจำกัดขึ้นมาทันที ไม่ว่าผมจะตอบสนองกับยาดีเพียงใด หรือผมจะแข็งแรงเพียงใด ผมคงจะไม่ได้แก่ตายแน่ๆ เวลาจำกัดแค่ไหนเหรอครับ ก็อาจจะหลักเดือน หกเดือน หนึ่งปี สองปี ถ้าหากโชคดีหน่อยก็อาจจะห้าปี
ผมไม่รู้จริงๆ ว่าโลกจะให้เวลากับผมมากแค่ไหน ผมไม่สามารถพยายามอะไรได้เลย ทำได้แค่ภาวนาให้ยาตอบสนอง ให้โรคสงบ ให้ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเกิดขึ้น ภาวนา ให้มีชีวิตอยู่อย่างปกติไปได้อีกสักวัน หรืออีกสักเดือน
แต่คุณเชื่อไหม ผมไม่เสียดายชีวิตที่ผ่านมาเลยนะ ผมมีช่วงชีวิตที่ผ่านมาที่โคตรดี ดีแบบไม่มีอะไรเสียใจ ไม่มีอะไรที่อยากย้อนกลับไปทำเลย แปลว่าที่ผ่านมาใช้ชีวิตมาได้น่าพอใจมากๆเลยแหละ คือ ไม่ได้รู้สึกว่า รู้งี้ทำแบบนั้นตอนนั้นดีกว่า หรือย้อนกลับไปเปลี่ยนทางเดินชีวิตอะไรเลย ไม่ได้อยากไปเที่ยวรอบโลก ไม่ได้อยากขับ supercar ไม่ได้อยากมีอะไรที่มากไปกว่าที่ชีวิตในเวลานี้มีอยู่เลย ผมมีชีวิตที่ดีมากแล้วจริงๆ 28 ปีที่ผ่านมาของผม มันยอดเยี่ยมแล้วก็มีคุณค่ามากพอที่จะเรียกว่าชีวิตที่มีความหมายแล้ว
ผมได้รับโอกาส ที่จะถ่ายทอดสิ่งที่ผมได้ตกตะกอนมาทั้งชีวิตผม สิ่งที่ได้เรียนรู้ มุมมองการใช้ชีวิต ความเชื่อ ความฝัน ความประทับใจ รวมถึงเรื่องราวที่ผมต้องการจะฝากไว้กับโลกนี้ ทั้งช่วงอารมณ์อ่อนไหว แล้วก็เข้มแข็ง เผื่อถ้าหากวันหนึ่งที่ผมไม่อยู่แล้ว ตัวตนของผม จะยังอยู่ตลอดไป
ผมจะยังได้เป็นอาจารย์ จะยังได้มีลูกศิษย์ ที่เติบโต ที่ได้เรียนรู้จากผมอยู่ มันน่าจะดีมากๆ ถ้าหากการที่ชีวิตที่สั้นลงของผมสามารถเป็นกำลังใจ เป็นพลังให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อ
ผม และเพื่อนรักของผม
จึงมีความตั้งใจ ที่จะสร้างเพจนี้ขึ้นมา
เพื่อส่งต่อ สิ่งเหล่านี้ครับ
หลังจากนพ.กฤตไท เขียนเรื่องตัวเอง ลงในเพจดังกล่าว มีผู้แสดงความเห็นให้กำลังใจจำนวนมาก ชื่นชม ที่มีความเข้มแข็ง และอวยพร ให้หายจากโรคร้ายโดยเร็ว